top of page
ปลีกตัวจากบ้านสู่พื้นที่สาธารณะ

     ในสังคมที่แสนวุ่นวาย กลุ่มคนส่วนใหญ่ก็ต่างหาหนทางเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตกันทั้งนั้น ด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทำให้การดำรงอยู่ด้วยเงินทองจึงเป็นสิ่งสำคัญ จนมองข้ามสิ่งรอบข้างที่มีชีวิตและใช้คำว่ามนุษย์เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน นั้นก็คือ คนไร้บ้าน  ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในแต่วัน เพราะปัญหาที่รุมเร้าเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของเศรษฐกิจ สังคมแวดล้อม ครอบครัว รวมถึงสุขภาพ 

 

คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นคนยากไร้ข้างถนนเดินผ่านไปมา ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า จะเกิดความรู้สึกรังเกียจ โดยมองว่าเขานั้นมีลักษณะที่สกปรก น่ากลัว มันทำให้สังคมเรามีความอ่อนแอลงในด้านความรู้สึกนึกคิด ถึงแม้ว่าคนไร้บ้านเหล่านั้นจะเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารที่สุดกลุ่มหนึ่งในสังคมเรา

คนไร้บ้าน คือคนที่ปลีกตัวเองออกมาจากการใช้ชีวิตในบ้านสู่พื้นที่สาธารณะในสังคม และมีอีกกลุ่มคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งที่อยู่อาศัยอย่างถาวร โดยอาศัยพื้นที่สาธารณะเป็นที่พักพิง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นเลือกหรืออยากที่จะปลีกตัวเองออกมา ซึ่งมันมีปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เขานั้นกลายเป็นคนไร้บ้าน

 

ส่วนสำคัญที่พบมากสุด คือปัจจัยทางเศรษฐกิจ และเรื่องของรายได้  คนเราทุกคนไม่มีใครที่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นคนไร้บ้าน เมื่อมองด้วยเหตุและผลที่เกิดขึ้นทำให้เขานั้นต้องยอมรับกับสิ่งที่ต้องเจอ แต่ก็ต้องดำรงชีวิตเพื่ออยู่ต่อในสถานที่ที่ไม่ใช่ของตัวเองแต่เป็นที่สาธารณะ

Department of communities and Local Government ของสหราชอาณาจักร ได้ให้คำนิยามของคนไร้บ้านว่า ไม่ใช่แค่ผู้ที่หลับนอนอยู่ในพื้นที่สาธารณะหรือสถานที่พักพิงเป็นเวลาต่อเนื่อง 28 วันเท่านั้น ยังรวมถึงกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นคนไร้บ้าน คือกลุ่มคนที่ถูกไล่ออกจากการเป็นเจ้าของบ้าน หรือถูกยึดโดยเจ้าหนี้

 

ในกรณีมีบ้านแต่อยู่บ้านไม่ได้ มีสาเหตุจากภายในบ้านที่มีความรุนแรง และอยู่ในบ้านที่สภาพย่ำแย่ จะเห็นได้ชัดเลยว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสีย ไม่ว่าทางด้านทรัพย์สินหรือสภาพจิตใจ ในเมื่อสิ่งที่เจอนั้นไม่สามารถที่จะต่อสู้กับมันได้ เลยต้องปลีกตัวเองออกมาในสถานที่ที่ไม่เป็นหลักแหล่ง

คนไร้บ้านมีสภาพปัญหาและวิถีที่เชื่อมโยงกับความยากจน ความไม่มั่นคงทางรายได้ และกว่าครึ่งของจำนวนกลุ่มคนไร้บ้านส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยกลางคนอายุระหว่าง 40-49 ปี เป็นวัยที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพการทำงาน เป็นช่วงที่มีการแข่งขันจากตลาดการจ้างงานสูง ทำให้กลุ่มคนวัยกลางคนนั้นเกิดการว่างงานและขาดรายได้มากขึ้น

 

เนื่องด้วยสังคมของเรานั้นมีคนรอที่จะทำงานอยู่ตลอดเวลาและต้องการหนุ่มสาวไฟแรง ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ย่อมมีอายุไขของมันทั้งสิ้น ปัจจัยการว่างงานจึงทำให้เข้าสู่ภาวะความยากจน  เมื่ออยู่ในสภาพนี้ก็จะมีผลข้างเคียงอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพของจิตใจที่ไม่ดี เกิดอาการคิดฟุ้งซ่าน เครียดหนักจนอาจกลายเป็นคนจิตตก หรืออาจจะถึงขั้นเป็นบ้าไปเลยก็ได้ แต่ที่เห็นได้ชัดเลยว่าในที่สาธารณะในแต่ละแห่งหรือข้างถนนหนทางมักจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนเหล่านี้เสมอ

เมื่อคนเราขาดปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ถ้าหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป การใช้ชีวิตก็จะต้องเผชิญกับความลำบากเป็นอย่างมาก เช่น การอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นหลักแหล่งหรือไม่มีที่ของตนเอง

 

ในส่วนของเรื่องอาหารที่ต้องหากินอย่างประหยัดไม่ได้กินอย่างที่ใจนึกอยาก หรืออาจถึงขั้นต้องคุ้ยเขี่ยถังขยะเพื่อหาเศษอาหารที่เหลือ ส่วนเรื่องของเสื้อผ้าไม่มีให้ห่มกายป้องกันจากความหนาวจากแมลงสัตว์กัดต่อย

 

ยารักษาโรคเมื่อไม่มีก็ต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมามากมาย เช่น โรคเรื้อรัง โรคผิวหนัง คนไร้บ้านส่วนใหญ่จึงมีสภาพภายนอกที่คนส่วนใหญ่ดูแล้วน่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้

 

จึงเป็นสาเหตุในการจ้างงานที่น้อยลง ถึงขั้นไม่มีการจ้างงานเลย คนไร้บ้านจึงประสบปัญหาในการประกอบอาชีพมากกว่าคนที่ตกงานหรือไม่มีงานทำ ส่วนในเรื่องคนไร้บ้านมักจะถูกกีดกันออกจากสังคม และได้รับทัศนคติในทางลบ เพราะรูปลักษณะภายนอกและสภาพจิต กลุ่มคนนี้จึงมีอาชีพหลัก คือเก็บและแยกขยะ

 

ซึ่งถ้าเรามองอีกมุม คือจะช่วยขับเคลื่อนสังคม ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิลและลดปริมาณขยะ แต่สิ่งที่ถูกมองกลับกลายเป็นว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและต่ำต้อย ถ้าลองมองกลับกันและคิดดูดีๆ นี่คือกลุ่มคนเล็กๆที่กำลังช่วยปัดกวาดทำความสะอาดให้สังคม และกำลังช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

จากการศึกษาคนไร้บ้านในหลายๆประเทศจะเห็นได้ว่า คนไร้บ้านมีสาเหตุมาจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมถึงความไม่เป็นธรรม และมีนโยบายที่กีดกั้นการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียมในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จะเป็นกลุ่มน้อยที่ได้รับสิทธิและโอกาสเท่ากับคนกลุ่มใหญ่ รวมถึงสวัสดิการ เมื่อเกิดความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์ ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าสังคมจะไม่ให้ความสำคัญหรือรังเกียจคนกลุ่มนี้ทั้งๆที่พวกเขานั้นก็เป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับพวกเราทุกคน

ในโลกใบนี้คงไม่มีใครที่จะอยากปลีกตัวออกมาจากบ้านของตัวเองแล้วกลายมาเป็นคนไร้บ้านหรอก แต่เนื่องด้วยจากสถานะภาพทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง สภาพจิตใจจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง   และชีวิตที่เหมือนดั่งโชคชะตากลั่นแกล้ง  พวกเขาจึงต้องจำยอมฟ้าดิน ยอมรับสถานภาพที่เกิดขึ้น

 

ถึงแม้ว่าจะต้องร่อนเร่หาที่นอน หรืออดมื้อกินมื้อ แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนกับพวกเรา และสามารถทำงานได้อย่างปกติ เพียงแค่ขาดโอกาสในการใช้ชีวิต ถ้าเกิดสังคมมอบโอกาสและให้ความเท่าเทียมกับพวกเขา ไม่ดูเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก และมีการจ้างงาน สอนงานให้เขามีรายได้ มีสวัสดิการดูแลคนไร้บ้านอย่างทั่วถึง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่บุคคลที่สังคมไม่ต้องการ บุคลากรที่มีอยู่แม้จะเป็นคนไร้บ้าน แต่คนกลุ่มนี้แหละ ที่จะนำไปสู่แรงขับเคลื่อนที่ดีต่อสังคมในอนาคตให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

เรื่อง: นายศิริศักดิ์ นิยมเดชา

bottom of page