
แบกเป้หนีเที่ยว
ตอน ปากพนังเมืองอกแตก
ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างนี้ เมื่อเข้าค้นหาตามอินเทอร์เน็ต แหล่งท่องเที่ยวก็จะโผล่ขึ้นมาให้เราได้เห็นมากมายอย่างกับดอกเห็ดเลยก็ว่าได้ แต่ใครจะรู้ว่ามีเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของธรรมชาติ และสถานที่สำคัญหลายแห่ง นั้นก็คือ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชนั่นเอง หากพูดถึงปากพนังอาจจะมีหลายคนที่คิดว่า เมืองนี้ไม่เห็นน่าเที่ยวเลย เพราะคิดว่าปากพนังไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย แต่ที่จริงแล้วเมืองเล็กๆเมืองนี้แหละที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งแหล่งอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และด้านวัฒนธรรม อีกทั้งผู้คนในเมืองแห่งนี้ยังมีความอัธยาศัยดีอีกด้วย
อำเภอปากพนัง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 36 กิโลเมตร เป็นอำเภอที่มีพื้นที่ติดต่ออำเภอหัวไทรและอำเภอเชียรใหญ่ ส่วนทิศตะวันตกนั้นติดต่ออำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และยังมีพื้นที่ติดต่อกับอ่าวปากพนัง
ในอดีตนั้นอำเภอปากพนังได้มีชื่อเก่าว่า อำเภอเบี้ยซัด ซึ่งหมายถึงคลื่นทะเลที่ซัดเอาหอยเบี้ย จากทะเลมาสู่หาด เพราะในสมัยก่อนนั้นหอยเบี้ยเปรียบเสมือนเงินตราที่ไว้ใช้จ่าย เมืองปากพนังในสมัยก่อนจึงเป็นศูนย์การค้าและเศรษฐกิจที่สำคัญของ จ.นครศรีฯ ทำให้สภาพเศรษฐกิจในตอนนั้นรุ่งเรืองมาก จึงเป็นที่มาของชื่ออำเภอเบี้ยซัดนั้นเอง

ปัจจุบันแม่น้ำปากพนังก็ยังคงมีสภาพความงดงามแบบอดีตก่อน โดยเมืองปากพนังนั้นเป็นสภาพเหมือนเมืองอกแตก เพราะแยกฝั่งระหว่างปากพนังฝั่งตะวันตกและปากพนังฝั่งตะวันออก โดยการไปมาหาสู่ทั้งสองฝั่งนั้นก็จะมีเรือล่องให้นั่งข้ามฝั่ง และให้ผู้คนที่มาท่องเที่ยวได้นั่งชมเมืองผ่านแม่น้ำปากพนัง และยังสามารถล่องเรือชมบรรยากาศป่าชายเลน แต่อาจจะมีไม่มากนักเหมือนเมื่อก่อน ด้วยสภาพเวลาที่เปลี่ยนไป ตามริมถนนจะสังเกตได้ว่ามีคอนโดค่อนข้างสูงสร้างไว้มากมาย แต่กลับไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย เพราะนายทุนชาวไทย และชาวต่างประเทศสร้างไว้ให้นกนางแอ่นได้เข้าไปทำรัง เพื่อเก็บรังนกไปขายหารายได้ ในการสร้างตึกคอนโดนั้นจะแตกต่างกับคอนโดทั่วไปเพราะจะมีช่องรูขนาดเล็กรอบๆตึกเพื่อให้นกนางแอ่นสามารถเข้าไปทำรังได้นั้นเอง
“ รังนกเลื่องชื่อ ร่ำลือขนมลา โอชาไข่ปลากระบอก ส่งออกกุ้งกุลา ออกพรรษาไหว้พระลาก นิยมมากแข่งเรือเพรียว ”
คำที่กล่าวมาข้างต้นนั้นคือคำขวัญของเมืองปากพนังนั้นเอง ปากพนังเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความเป็นเมืองเก่าที่ยังคงความรุ่งเรืองในเมื่อสมัยอดีตที่น่าสนใจ น่าค้นหาเป็นอย่างมาก ท่ามกลางบรรยากาศพื้นเมือง วิถีการใช้ชีวิตของชาวบ้าน และชาวประมงในละแวกนั้น และยังมีอาหารที่แสนอร่อย หลากหลายเมนู หลากหลายรสชาติ ให้เลือกชิมกันอย่างจุใจ ถือว่าเป็นเมืองที่อบอุ่นและน่าท่องเที่ยวกันเลยทีเดียว
ในส่วนของการเดินทางไปท่องเที่ยว อ.ปากพนัง สามารถนั่งรถบัสหรือรถส่วนตัวไปได้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางจากตัวเมือง นครศรีธรรมราช เวลาในการเดินทางไปยังอำเภอปากพนังใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนเส้นทางในการท่องเที่ยวในตัวอำเภอปากพนังนั้น ไม่ได้สลับซับซ้อนมากนัก เส้นทางการเดินทางก็สะดวกจราจรไม่ติดขัด สามารถขับรถไปตามป้ายหรืออาจจะเปิดดูจากจีพีเอสก็ได้ ส่วนระหว่างการเดินทางเราก็จะได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
สถานที่แรกที่เหมาะกับการแวะไปนั่งสูดอากาศธรรมชาติ พื้นที่โล่งกว้าง ไร้ซึ่งความแออัด นั่นก็คือ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เนื่องจากต้นไม้รายล้อมทำให้มีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบปิกนิกกับครอบครัว หรืออาจจะไปคนเดียวก็ได้ เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสามารถไปถ่ายภาพสวยๆท่ามกลางธรรมชาติกับเพื่อนได้ แม้กระทั่งคนที่ชอบในการตกปลาก็สามารถไปสร้างอรรถรสให้กับชีวิตของคุณได้ ประตูน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์นี้ได้สร้างขึ้นเพื่อสนองประราชดำริของในหลวงในรัชกาลที่ 9 เป็นส่วนสำคัญในการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี โดยประตูน้ำที่ว่านี้ เป็นพื้นที่กว้าง มีร้านอาหารเล็กๆไว้คอยบริการ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ น้ำปั่นผลไม้ ไว้สำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้ออาหารไว้ไปนั่งกินเล่น หรือพักผ่อนชื่นชมบรรยากาศแบบสบายๆกันไป
สถานที่ต่อมาที่จะพาไปชมนั้นก็คือ ตลาดน้ำย้อนยุคปากพนัง ที่ถือได้ว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของอำเภอปากพนัง เพราะในตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมสินค้าชั้นดีของอำเภอเลยก็ว่าได้ และยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำปากพนัง โดยตัวตลาดจะอยู่ทางปากพนังฝั่งตะวันออก โดยตัวตลาดมีลำคลองขวางกั้นฝั่งไว้ โดยอีกฝั่งของตลาดจะเป็นถนนติดเลียบไปกับริมฝั่งกำแพงเรือนจำ และยังมีบ้านเรือนบริเวณใกล้ๆที่สามารถนำของออกมาขายเพื่อส่งเสริมอาหารที่หลากหลายให้กับตลาด และยังเป็นอีกแหล่งที่กระตุ้นเศรษฐกิจของอำเภอปากพนังได้
ตลาดน้ำย้อนยุคปากพนัง ถือว่าเป็นแหล่งที่คนมาจับจ่ายใช้สอยไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือผู้คนละแวกนั้นก็สามารถมาเดินชมบรรยากาศเพื่อสะท้อนในอดีตของชีวิตชาวปากพนังที่ใช้ชีวิตติดริมแม่น้ำ จึงถือว่าเป็นอีกตลาดหนึ่งที่สร้างความน่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวไม่น้อย บรรยากาศของตลาดก็จะมีความครึกครื้นตั้งแต่ปากทางเข้ายันท้ายตลาดโดยมีเวทีนักดนตรีมาขับกล่องเพลงไทยๆเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ภายในตลาดก็จะมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่แต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศ ทั้งการแต่งตัว หรือตัวร้านที่ใช้แคร่ไม้ไผ่ที่มีมุมจากเพื่อให้หลบแดดร้อนๆ
ส่วนภาชนะที่ใช้ใส่ขนม ทางตลาดได้มีการใช้ใบตอง เครื่องปั้นดินเผา ใบบัว และภาชนะที่สานด้วยใบจาก โดยปราศจากพลาสติก เพื่อลดโลกร้อนโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ โดยอาหารที่ขายตามริมทางเดินภายในตลาดก็อร่อยมากจนต้องซื้อกลับไปกินที่บ้านหรือที่พัก ส่วนราคาก็ไม่แพงส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20 บาท
และอีกแห่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีผู้คนชื่นชอบไปมากนั้นก็คือ กังหันลมขนาดใหญ่ที่เรียงรายไปตลาดจนจบสายตา เมื่อเวลามองไกลๆเราก็อาจจะคิดว่ามันเล็ก และคิดว่าใกล้จะถึงสถานที่ตรงนั้น แต่มันกลับไม่ใช่เลย ถือว่าเป็นแหล่งพลังงานลมขนาดใหญ่อีกด้วย แสดงให้เห็นว่าเขาได้มีการพัฒนาขึ้นไปยิ่งขึ้นเพื่อประหยัดพลังงาน
วันแรกของการไปถึงเราจะพาไปพบกับร้านน้ำชายามเช้าที่เก่าแก่ และขึ้นชื่อในปากพนัง ชื่อร้านโก โดยตัวร้านเปิดตั้งแต่ตี5 หรือหัวรุ่ง ในตัวร้านก็จะมีข้าวต้ม ติ่มซำ และน้ำชาเป็นหลัก โดยตัวร้านจะติดแม่น้ำปากพนัง ข้างเรือแพรยนต์ขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรทุกรถเครื่องข้ามฝั่งได้ ส่วนรอบๆเป็นตึกรามบ้านช่องที่มีกลิ่นอายเมืองเก่าโดยมีบรรยากาศยามเช้าของเมืองแห่งชาวลุ่มแม่น้ำ ที่มีแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ เรียกได้ว่าลูกค้าที่มานั่งทานอาหารที่นี่จะต้องดื่มด่ำบรรยากาศไปกับควบคู่ด้วยอาหารที่แสนอร่อย
เมื่อเข้าสู่ช่วงเที่ยง หลายๆคนก็คงจะเหนื่อยหลังจากกลับมาจากเที่ยว ก็จะพาไปกินที่ร้านบ่ะจ่างใบตอง ซึ่งตัวร้านอยู่ฝั่งตะวันตกใกล้แพรขนานยนต์เช่นเดียวกัน โดยร้านจะเปิดขายตั้งแต่ 6โมงถึงเที่ยง แต่ต้องสั่งจองล่วงหน้าก่อน เพราะจะหมดเร็วมาก ตัวบ่ะจ่างใบตองนี้จะต่างจากบ่ะจ่างธรรมดาตรงที่ใช้บตองมาห่อแทนใบไผ่ ส่วนตัวไส้มีถึง 9 อย่าง โดยมีไส้หมูทรงเครื่องเป็นหลัก ใครที่นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเหนียวห่อกล้วหรือข้าวต้มมัด ภายในร้านยังมีกาแฟโบราณอีกด้วย เมื่อกินควบคู่กันยิ่งเหมือนได้ลิ่มรสชาติที่แสนกลมกล่อม
ช่วงบ่ายๆก็พากันไปนั่งเล่นกันที่ร้านเลอชา ซึ่งเป็นร้านนั่งเล่นที่ฮิตอีกแห่งหนึ่งที่วัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะไปนั่งกินกัน เพราะสไตล์รูปแบบการขายน้ำที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับชาวปากพนัง หน้าร้านจะมีศาลเจ้าตั้งอยู่ข้างๆ ต้องสังเกตให้ดีๆเพราะอาจจะทำให้หลงได้ ร้านแห่งนี้มีน้ำแปลกใหม่หลายรสชาติมากมาย เช่น เลอบลูเปอร์มินต์มาร์ชแมลโลว์ จะให้รสชาติกลิ่นมินต์เย็นๆผสมกับเม็ดมาร์ชแมลโลว์ก็ทำให้ดื่มเพลิดเพลิน เลอเรนโบว์สำหรับคนที่ชอบความเปรี้ยวน่าจะชอบ เป็นการผสมของน้ำ3รส ที่ให้รสชาติที่แปลกใหม่ ขนมหวานก็มีขนมปังปิ้งและขนมหวานอื่นให้ลิ้มลอง ซึ่งถือว่าเป็นอีกร้านหนึ่งที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ไปชิมกัน
พอตกค่ำใครหลายๆคนก็จะเริ่มหิวกันแล้ว ก็เริ่มออกจากที่พักเพื่อตระเวนหาร้านอาหารที่อร่อยๆกินกัน ร้านอาหารที่เราจะมาแนะนำกันก็คือ ร้านนอกชานนั้นเอง ร้านนอกชานเป็นร้านอาหารที่อิสลามสามารถกินได้ ซึ่งจะมีอาหารตามสั่ง ข้าวหมกไก่ ข้าวมันไก่ โรตี ขนมปังกรอบ และน้ำกินสารพัด ร้านนอกชานเป็นร้านนั่งชิวๆสบายๆ แต่อาจจะมีเสียงดังบ้างเป็นบางเวลา เพราะร้านเป็นสถานที่เปิด รสชาติก็อร่อยถูกปาก แต่ก็อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะรสชาติการกินแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่รับรองว่าร้านนี้ถูกปากไปกินกันแน่นอน
และเมื่อกินคาวแล้วเราก็ต้องกินหวาน สิ่งที่เราจะตบท้ายมื้อนี้นั้นก็คือร้านไอติมป้าแดง ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกเมื่อผ่านสี่แยกตลาดร้อยปีมา มันจะอยู่ตรงข้ามเยืองกับธนาคารธนชาติ แถวนั้นจะเป็นตึกเก่าที่มีกลิ่นอายจีนเล็กน้อย เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อสายจีน ในร้านจะมีโต๊ะให้นั่งติดริมผนัง ตรงกลางจะมีเป็นเคาน์เตอร์ให้ไปสั่งของ ไอติมจะเป็นวนิลา ซึ่งมีหน้าต่างๆให้เลือกแต่ที่ฮิตๆกันเลยก็คือ ไอติมหน้าไข่ ซึ่งทางร้านได้ทำเองทั้งตัวไอติมและตัวหน้าไข่ ใครมาร้านนี้แล้วไม่กินถือว่าพลาดมากค่ะ ราคาก็อยู่ประมาณ 15-20 บาท แล้วแต่จะสั่งค่ะ
ที่พักในอำเภอปากพนังนั้นมีอยู่มากมายอยู่ที่ว่าเราจะเลือกว่าเราชอบแบบไหน แต่ที่พักที่เราได้เลือกไว้นั้นคือ โรงแรมธนาวุธเฮ้าส์ ที่เลือกพักที่นี่ เพราะว่าอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย และสามารถเดินทางไปเที่ยวได้สะดวก รวดเร็ว เพราะอยู่ห่างกันไม่ไกลกันมากนัก ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทางไปเที่ยวได้อีกด้วย ซึ่งใช้เวลาในการขับรถประมาณ10 - 30 นาที ก็สามารถถึงสถานที่เที่ยวของเราได้ ราคาห้องพักก็ไม่แพงมาก 1 ห้องนอน จะมีเตียงคู่ 2 เตียง ราคา 500 บาทต่อคืน ถ้าต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายก็สามารถหารกับกลุ่มเพื่อนได้ ก็ถือว่าประหยัดเงินไปอีก บรรยากาศในที่พักกำลังดี ห้องมีขนาดกว้าง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
เรื่อง: นางสาวปาลิน ทองทรัพย์
นางสาวเจนจิรา วีระกุล
นางสาวศศิวิมล นวลมัย