top of page
จากหลังมือเป็นหน้ามือ

     ผมจะทำตัวดีดี ตอนนี้ผมปรับปรุงตัวแล้ว ผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัวเอง จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องมาเหนื่อยกับผมอีก ผมอาจจะเป็นคนที่ทำตัวแย่มาก่อน ตอนนี้ผมรู้แล้วพ่อกับแม่ต้องเหนื่อยเพื่อผมมากขนาดไหน ผมอยากขอโทษ

     ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วผมเป็นลูกคนเดียว ผมเป็นเด็กมหาวิทยาลัยคนนึงที่เรียนไม่จบ บ้านผมมีฐานะในระดับนึง มีรถ 16 คัน มีบ้านราคาร้อยล้านบาท คนรับใช้อีก 16 คน วันๆผมไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ ผมต้องการอะไรเพียงแค่ผมบอกพ่อกับแม่ ท่านก็จะหามาให้ผม ผมอยู่แบบนี้มาตั้งแต่ผมเล็กๆ ผมเอาแต่เที่ยวไม่ว่าจะต่างจังหวัด ต่างประเทศหรือร้านเหล้า ผมมีเพื่อนเยอะมาก ผมสามารถพาเพื่อนไปนั่งร้านอาหารหรูๆเกือบ30 คน แล้วผมเป็นคนจ่ายทั้งหมด ผมคิดว่าชีวิตผมไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้ ผมจึงมองว่าการเรียนไม่สำคัญสำหรับผมเลยแม้แต่น้อย

        นอกจากเรื่องเรียนที่ไม่เอาไหน เรื่องผู้หญิงก็ไม่แพ้กัน ผมไม่ใช่คนหล่อมากมาย บุคลิกจะออกแนวแบดบอยนิดๆ มีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาติดผม ทั้งสาวเล็ก สาวใหญ่ ผมเป็นคนเบื่อง่ายเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่บ่อยครั้ง พ่อกับแม่ก็ไม่เคยห้ามปราม ไม่เคยว่ากล่าวตักเตือนด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเลยสักครั้ง ผมมีความสุขกับชีวิตแบบนี้มาก

        เพื่อนๆผมหลายคนไม่ได้มีฐานะที่ดีเท่าผม ผมก็ไม่ใช่คนคิดมากหรืออะไร ปกติเวลาไปไหนมาไหน ผมก็มักจะเลี้ยงเพื่อนจนชินจนเพื่อนๆเรียกว่า เสี่ย เงินที่ผมใช้เลี้ยงเพื่อนผมไม่ได้ทำงานเองหรอก พ่อแม่ผมจะโอนเงินให้ผมทุกเดือนและบัตรเครดิตอีกหลายใบ

        ช่วงนั้นไม่ว่าผมจะไปไหนทำอะไร ก็มีเพื่อนคอยตามไปด้วยเสมอ ผมไม่เคยรู้สึกเหงาหรือต้องอยู่คนเดียวเลยสักครั้ง แค่ผมเอ่ยปากว่าจะไปไหนเพื่อนก็อาสาตามมาด้วยตลอด แค่ผมพูดว่าวันนี้เลี้ยงเหล้าเจอกันร้านเดิม เพื่อนก็เต็มไปหมด มีทั้งเพื่อนของเพื่อน หรือคนที่ไม่เคยรู้จักมากหน้าหลายตา มาเรียกผมว่า เสี่ย และผมก็ชอบที่จะเป็นอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าผมมีอำนาจ มีคนเคารพมากมาย ผมไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ เพื่อนทุกคนรู้จักผมเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ผมคิดเสมอว่าทุกคนคือเพื่อนแท้ของผม

        พ่อกับแม่ของผมท่านเป็นคนใจดีและขยันมาก ต่อให้บ้านของผมจะมีมรดกตกทอดมหาศาลมากมาย ท่านก็ยังคงทำธุรกิจ เพื่อนฝูงก็มักจะเป็นคนในเครือธุรกิจที่ฐานะเท่าๆกัน หรือคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน หลายๆคนพ่อกับแม่ผมก็เคยช่วยเหลือในเรื่องธุรกิจจนประสบความสำเร็จ พ่อกับแม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในวงของนักธุรกิจ จากการช่วยเหลือเพื่อนฝูงในการบริหารงาน

        นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีป้าแวว แม่บ้านทำความสะอาดบ้านผม ที่ผมนับถือเหมือนแม่คนที่ 2 มักจะบ่นผมที่ชอบทำบ้านรกและไม่เก็บของเป็นที่เป็นทาง แต่ผมไม่ถือสาหรอก แกก็บ่นตามประสาคนที่ทำงานหนัก ก็คงจะมีผมคนเดียวในบ้านด้วยละมั้ง ที่ชอบสร้างงานให้แม่บ้านทำกันอยู่บ่อยๆ ผมจะชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้าน ชวนเพื่อนมากันเยอะๆ ไม่ว่าจะปิ้งย่าง บาบีคิว ชาบู หรือปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ก็มักจะจบด้วยการเมาเละเทะเกลื่อนกลาด สร้างงานหนักให้แม่บ้านได้เป็นอย่างดี

        พ่อแม่ผมทำงานหนักมาตลอดต่างกับผมที่ทำตัวเหลวแหลกไม่เอาไหนไปวันๆ ผมคิดว่าผมมีทุกอย่าง ไม่ต้องสร้างอะไรแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตนเอง แต่ก็นั้นแหละ ความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน คิดว่าชีวิตมีทุกอย่างไม่ต้องดิ้นรนให้เหนื่อยเหมือนคนอื่นๆ เหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ว่าจริงๆแล้วชีวิตเราไม่มีอะไรแน่นอนเลย

        เหตุการณ์ในวันนั้นผมยังจำฝังใจอยู่เลย ตื่นเช้ามาพ่อมาพูดกับผมว่า “บ้านเราล้มละลายแล้ว แต่ลูกไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจะสร้างมันกลับมาเหมือนเดิม แค่ช่วงนี้เราต้องประหยัด” สิ้นคำพูดของพ่อ ผมแทบล้มทั้งยืน พ่อยังห่วงความรู้สึกผม พ่อยังพยายามทำเพื่อผม ทั้งๆที่ตอนนี้พ่อเองก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว มันเจ็บมันจุกเป็นความรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก ย้อนกลับไปมองตัวเองว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง ทำอะไรเพื่อพ่อแม่บ้าง ซึ่งมันไม่มีเลย

        เพียงแค่ช่วงข้ามคืนที่สมบัติมรดกในบ้านไม่มีเหลือ พ่อเอาเงินของตัวเองและกู้ธนาคารมาเพิ่มไปลงทุนกับธุรกิจใหม่ เกิดพลาดขึ้นมาขาดทุนย่อยยับ

         เกิดมาในชีวิตไม่คิดว่าตัวเองจะตกอับขนาดนี้ พ่อขายทุกอย่างทิ้ง เอาบ้านไปจำนอง แต่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด ผมไม่มีแม่บ้าน ไม่มีคนขับรถ พ่อผมเลิกจ้างทุกคน บ้านผมไม่มีเงินเหลือติดตัว แถมมีหนี้ติดมาอีกหมื่นล้านบาท ผมจึงฉุกคิดได้ว่า พ่อกับแม่ทำเพื่อเรามาตลอดแล้ว ต่อไปนี้ผมจะขอสร้างทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่ได้สบายบ้าง

        ผมรับจ้างทำงานทุกอย่างได้ทีละเล็กละน้อย ด้วยที่ไม่มีวุฒิปริญญาตรีไปที่ไหนเค้าก็ไม่ค่อยรับ ถึงได้รู้ว่าเงินมันหายากมาก กว่าจะได้มาแต่ละบาทเหนื่อยแทบขาดใจ แต่พ่อกับแม่มีตังให้ผมใช้ได้สบาย มันทำให้ผมรู้เลยว่าที่ผ่านมาพ่อกับแม่เหนื่อยกับผมมามากขนาดไหน คิดแล้วก็เสียใจที่ตัวเองไม่ตั้งใจเรียน ไม่เรียนให้จบตั้งแต่ตอนที่ยังมีโอกาส

        ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีของครอบครัวผม ตอนที่พ่อกับแม่ยังมีฐานะก็มักจะช่วยเหลือเพื่อนไว้เยอะ พ่อมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงชื่อ ลุงเอก ลุงเอกก็เป็นอีกคนที่พ่อเคยช่วยเหลือไว้ตอนที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ ดูเหมือนธุรกิจจะไปได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ฐานะลุงเอกก็เทียบเท่ากับตอนที่ครอบครัวผมยังมีฐานะ ลุงเอกรักพ่อผมมาก ที่ช่วยเหลือแกมาตลอด

        พอครอบครัวผมตกอับ ลุงเอกก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยไปไถ่บ้านที่เอาไปจำนองคืนมาให้ ครอบครัวผมจะได้ไม่ต้องย้ายที่อยู่อาศัยใหม่ ตอนนี้ผมก็ทำงานเท่าที่ผมพอจะช่วยได้ ผมไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ต้องมาเหนื่อยเพื่อให้ผมสบายอีก

        เมื่อครอบครัวผมตกอับ แน่นอนที่พ่อจะเลิกจ้างคนใช้และแม่บ้านทำความสะอาด ป้าแววแม่บ้านทำความสะอาดที่นับผมเหมือนลูกคนนึง ก็ร้องห่มร้องไห้ อยากที่จะอยู่กับผมต่อ ยอมไม่รับค่าจ้าง ขอแค่มีที่พักอาศัยมีข้าวให้กินก็พอ ผมไม่นึกเลยว่าจะมีใครรักผมได้เท่าพ่อแม่และ  ป้าแวว ผมเสียใจมากที่ไม่เคยทำอะไรดีดีให้คนในบ้านเลย

        ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมไม่มีเพื่อนเยอะแยะเหมือนเมื่อก่อน ผมไม่มีตังใช้ บางวันแม้แต่เงินจะกินข้าวก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ผมรู้สึกอายเพื่อนที่ไม่มีเงินเลี้ยงเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน ผมกลายเป็นคนไม่เข้าสังคม เพื่อนผมไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าผมกำลังมีปัญหา

        พอผมไม่มีเงินเลี้ยงไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วย ก็ค่อยๆหายออกไปจากชีวิตผมจนหมด ไม่มีใครติดต่อผมมาถามสารทุกข์สุขดิบกับผมเลยสักคน ผมพอจะมีเพื่อนคนนึงชื่อบอย ที่ผมเคยเลี้ยงข้าวบ่อยๆพอจะรู้บ้างว่าตอนนี้ผมกำลังเจอกับปัญหาชีวิต บอยก็เข้าใจผม บางวันผมไม่มีเงินจะกินข้าว บอยก็อาสาเลี้ยงเอง หรือแม้แต่ผมไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท บอยก็ให้ยืมตลอด แต่ผมก็เกรงใจเพื่อน เพราะบอยก็ไม่ใช่ว่าจะมีเงินมากมายให้ผมยืมบ่อยๆ และผมก็ไม่กล้าขอยืมเพื่อนคนอื่นๆที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน ผมรู้เลยว่าคำว่าเพื่อนแท้ๆจริงๆแล้วเป็นยังไง

        ปัจจุบันนี้ผมก็ยังทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะกลับไปมีฐานะแบบเดิมให้ได้ พยายามช่วยแบ่งเบาพ่อกับแม่ไม่อยากให้ทั้ง 2 คน ต้องเหนื่อยตามลำพังอีก ผมวางแผนจะเก็บเงินให้ได้สักก้อน มาลงทุนทำธุรกิจสักอย่าง ฟื้นฟูฐานะขึ้นมาอีกครั้ง อีกอย่างที่ผมรู้สึกเสียใจคือผมยังเรียนไม่จบ ด้วยความคิดที่ว่าผมมีทุกอย่างแล้ว ตอนนี้กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับแล้วเดินหน้าต่อไป

        ผมวางแผนเรื่องการเรียนไว้ว่าผมจะส่งตัวเองเรียนพร้อมกับทำงานไปด้วย ถึงแม้ผมจะไม่ได้จบมหาวิทยาลัยดังๆตามที่พ่อกับแม่เคยคาดหวังไว้ แต่ผมก็คิดว่าอย่างน้อยๆก็ช่วยในเรื่องการหางานทำของผมได้ง่ายขึ้น สภาพแวดล้อมของสังคมที่ผมเคยอยู่ ผมก็เลือกที่จะเดินออกมา ไม่กลับไปคบเพื่อนแบบนั้นอีก ผมระวังเรื่องการเลือกคบเพื่อนมากขึ้น ผมไม่อยากกลับไปเจอสังคมเดิมๆเหมือนที่ผ่านมา ถึงแม้ตอนนี้ผมยังสร้างฐานะทางบ้านกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ก็มีการพัฒนาขึ้นมาบ้าง ไม่ได้ถึงกับไม่มีเงินกินข้าว มีพอกินพอใช้ทุกวัน ผมพยายามสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมไม่อยากมีหนี้เพิ่ม หนี้ที่มีอยู่ก็เยอะพอควรแล้ว ตอนนี้ก็มีรถยนต์คันแรกที่เก็บเงินซื้อมาด้วยตัวเอง 1 คัน โดยที่ผมเก็บหอมรอมริบมาเรื่อยๆ พอมีรถมันก็สะดวกขึ้น พอที่จะขับรถพาพ่อกับแม่ไปไหนได้บ้าง

        ทุกวันนี้ผมเหนื่อยมากทำงานตัวเป็นเกลียว ความเหนื่อยของผมคงยังไม่ได้สักครึ่งที่พ่อกับแม่เคยทำมาด้วยซ้ำ ผมยังคิดอยู่เลยว่าพ่อกับแม่ผมทำได้ยังไงที่หาเงินมาให้ผมใช้ได้ขนาดนั้น ผมต้องระวังเรื่องการใช้ชีวิตมากขึ้น ต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิด พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาในภายภาคหน้า และทำใจยอมรับให้ได้

เรื่องโดย :ศุภิสรา โกศลพฤทธ์

bottom of page